
เครื่องดื่มบำรุงสมอง PEPTEIN : ORIGINAL SOY PEPTIDE
อาหารสมองแนวใหม่เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของสมอง
ด้วยวิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้สารอาหารที่ได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้นโปรตีนที่เราบริโภคเข้าไปยังต้องแบ่งไปหล่อเลี้ยงส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เป็นแหล่งพลังงานในยามที่ขาด และควบคุมการทำงานของร่างกายซึ่งรวมถึงการเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารสื่อนำประสาทด้วย เมื่อสมองถูกใช้งานเพิ่มมากขึ้นเซลล์สมองหนึ่งแสนล้านเซลล์ที่มีอยู่ในสมอง น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัมของผู้ชาย และ 1.2 กิโลกรัมของผู้หญิง สารสื่อนำประสาทที่เรียกว่า นิวโรทรานสมิตเตอร์หรือนิวโรเปปไทด์ จะถูกใช้งานมากขึ้นไปด้วย ขณะที่คุณสมบัติของสารสื่อนำประสาทนั้นจะสลายไปเมื่อถูกนำมาใช้ เพราะฉะนั้น ด้านโอสถสภาจึงตอบสนองความต้องการด้วยการโดยคิดค้นเครื่องดื่มบำรุงสมองขึ้นมาโดยมี 2 ขนาด ดังนี้คือ
เปปทีน 8000 มิลลิกรัม ช่วยให้เกิดสภาวะคลื่นสมอง HIGH BAND ALPHA ซึ่งเป็นสภาวะสมองที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน ขณะที่โปรตีนในนมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ กลับไม่ส่งผลต่อคลื่นสมอง ALPHA และ เปปทีน 4000 มิลลิกรัมขึ้นไป ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนใน HEMOGLOBIN ที่ไหลเวียนในสมองส่วนหน้า ทำให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลให้ความเครียดของสมองลดลง และช่วยสร้างสารสื่อนำประสาทในสมองด้วย
สภาวะของสมองทั้งตื่นและหลับเกี่ยวข้องกับสารสื่อนำประสาท ซึ่งสามารถวัดสภาวะต่าง ๆ ได้โดยวัดกระแสไฟฟ้าในสมองด้วยเครื่อง EEG โดยคลื่นสมองขณะทำงานมี 2 ช่วงคลื่นคือ คลื่นสมองเบต้า ช่วงที่สมองอยู่ในสภาวะกระวนกระวายคิดอะไรไม่ออก และคลื่นสมองอัลฟ่า สภาวะที่สมองผ่อนคลายแต่ตื่นตัว มีประสิทธิภาพต่อการทำงาน เรียนรู้ จดจำ ความคิดสร้างสรรค์การวิเคราะห์และตัดสินใจที่ซับซ้อนและเมื่อสารสื่อนำประสาทที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเซลล์ขณะที่สมอง ทำงานถูกใช้จนเกือบหมด เมื่อนั้นสมองก็จะเกิดอาการล้าและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทันที ซึ่งการสร้างสารสื่อนำประสาทขึ้นทดแทนนั้นมาจากการรับประทานอาหารประเภท โปรตีน
“ตามปกติอาหารที่เรารับประทานมีโปรตีนรวมอยู่ด้วย แต่กว่าที่โปรตีนจะถูกย่อยสลายผ่านกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้องใช้เวลา 8-9 ชั่วโมง ที่สำคัญสิ่งที่ร่างกายย่อยมาได้จะเป็นกรดอะมิโนส่วนใหญ่ ส่วนไดเปปไทด์และไตรเปปไทด์มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น” ยอดมิตร ทองยงค์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนอล บริษัท โอสถสภา จำกัด ระบุ
หลังปี 2000 พบว่า เปปไทด์สายสั้นหรือไดเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียงต่อกัน 2 ตัว และไตรเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียงกัน 3 ตัว ซึ่งร่างกายสามารถย่อยได้เพียงส่วนน้อยนั้น กลับดูดซึมได้ดีกว่ากรดอะมิโนเดี่ยว
และเปปไทด์ทั้งสองชนิดที่ว่านี้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์อาหารฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ค้นพบในถั่วเหลืองสึรุโนโกะ หลังขจัดกาก ไขมัน และแป้งจนได้โปรตีนบริสุทธิ์และนำมาย่อยด้วยเอนไซม์แบบธรรมชาติควบคุมด้วย นวัตกรรมขั้นสูง และเรียกเปปไทด์ที่ได้นี้ว่า ออริจินัล ซอย เปปไทด์
“เปปไทด์สายสั้นที่สกัดออกมาได้นั้น พบว่า ร่างกายสามารถดูดซึมได้ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ผ่านช่องทางเปปไทด์ทรานปอตเตอร์ที่ลำไส้เล็กส่วนต้น อีกทั้งยังมีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ ไม่มีรายงานการแพ้ และไม่มีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจนเหมือนผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอื่น ๆ ด้วย”
โดย ศ.นพ.ยูทากะ โมโตฮาชิ มหาวิทยาลัยแพทย์อะกิตะ พบว่า ออริจินัล ซอย เปปไทด์ขนาด 8,000 มิลลิกรัม จะส่งผลให้เกิดภาวะคลื่นสมองไฮแบรนด์อัลฟ่า ระดับ 10-13 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นสภาวะสมองที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน
ขณะที่ ศ.ดร.ฮาทากิยามา ไอโกะ ศูนย์วิจัยการแพทย์เซนได พบว่า ออริจินัล ซอย เปปไทด์ ขนาด 4,000 มิลลิกรัมขึ้นไป จะช่วยเพิ่มระดับของออกซิเจนในฮีโมโกลบินที่ไหลเวียนในสมองส่วนหน้า ทำให้สมองปลอดโปร่ง และยังสามารถลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มาขัดขวางวงจรความจำด้วย
หลังจากค้นพบและพัฒนาจนออริจินัล ซอย เปปไทด์ สามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณเปปไทด์ที่เหมาะสม ตั้งแต่ปลายปี 2004 เป็นต้นมาคนญี่ปุ่นก็ได้รู้จักเครื่องดื่มอาหารสมองนี้มากขึ้น ขณะที่คนไทยเพิ่งได้รู้จักหลังจากบริษัท โอสถสภา จำกัด นำมาพัฒนาเพื่อเป็นเครื่องดื่มสำหรับคนไทย
“ต้องยอมรับว่าคนไทยมีความสามารถในการนำงานวิจัยมาต่อยอดได้ดี และเครื่องดื่มที่เราพัฒนานั้น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฟูจิเองก็ยอมรับทั้งเรื่องคุณภาพและรสชาติว่าดีที่ สุดในโลก และเขาก็ได้สั่งนำเข้ากลับไปขายในญี่ปุ่นด้วย”
เครื่องดื่มที่ว่าจะต่างจากเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีอยู่ทั่วไป เพราะนี่จัดเป็นประเภทอาหารเพื่อสุขภาพ ดังนั้นเรื่องปริมาณที่จะได้รับนั้นจึงไม่มีการจำกัด และไม่จำกัดอายุของผู้รับประทานด้วย
ดร.โมโตฮิโกะ ฮิโรซึกะ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฟูจิสำนักงานใหญ่ ระบุว่า ในญี่ปุ่นนั้นเคยมีนักศึกษาที่สอบเอนทรานซ์ดื่มออริจินัล ซอย เปปไทด์นี้ด้วย แต่กลับดื่มเมื่อสอบเสร็จแล้วหลังจากสมองล้า สารอาหารที่มีอยู่จึงไม่สามารถไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองได้ ดังนั้นควรดื่มก่อนที่จะต้องใช้สมองจึงจะได้ผลมากที่สุด
แม้ออริจินัล ซอย เปปไทด์ จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ฉลาดขึ้นไปด้วย.
ด้วยวิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้สารอาหารที่ได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้นโปรตีนที่เราบริโภคเข้าไปยังต้องแบ่งไปหล่อเลี้ยงส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เป็นแหล่งพลังงานในยามที่ขาด และควบคุมการทำงานของร่างกายซึ่งรวมถึงการเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารสื่อนำประสาทด้วย เมื่อสมองถูกใช้งานเพิ่มมากขึ้นเซลล์สมองหนึ่งแสนล้านเซลล์ที่มีอยู่ในสมอง น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัมของผู้ชาย และ 1.2 กิโลกรัมของผู้หญิง สารสื่อนำประสาทที่เรียกว่า นิวโรทรานสมิตเตอร์หรือนิวโรเปปไทด์ จะถูกใช้งานมากขึ้นไปด้วย ขณะที่คุณสมบัติของสารสื่อนำประสาทนั้นจะสลายไปเมื่อถูกนำมาใช้ เพราะฉะนั้น ด้านโอสถสภาจึงตอบสนองความต้องการด้วยการโดยคิดค้นเครื่องดื่มบำรุงสมองขึ้นมาโดยมี 2 ขนาด ดังนี้คือ
เปปทีน 8000 มิลลิกรัม ช่วยให้เกิดสภาวะคลื่นสมอง HIGH BAND ALPHA ซึ่งเป็นสภาวะสมองที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน ขณะที่โปรตีนในนมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ กลับไม่ส่งผลต่อคลื่นสมอง ALPHA และ เปปทีน 4000 มิลลิกรัมขึ้นไป ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนใน HEMOGLOBIN ที่ไหลเวียนในสมองส่วนหน้า ทำให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลให้ความเครียดของสมองลดลง และช่วยสร้างสารสื่อนำประสาทในสมองด้วย
สภาวะของสมองทั้งตื่นและหลับเกี่ยวข้องกับสารสื่อนำประสาท ซึ่งสามารถวัดสภาวะต่าง ๆ ได้โดยวัดกระแสไฟฟ้าในสมองด้วยเครื่อง EEG โดยคลื่นสมองขณะทำงานมี 2 ช่วงคลื่นคือ คลื่นสมองเบต้า ช่วงที่สมองอยู่ในสภาวะกระวนกระวายคิดอะไรไม่ออก และคลื่นสมองอัลฟ่า สภาวะที่สมองผ่อนคลายแต่ตื่นตัว มีประสิทธิภาพต่อการทำงาน เรียนรู้ จดจำ ความคิดสร้างสรรค์การวิเคราะห์และตัดสินใจที่ซับซ้อนและเมื่อสารสื่อนำประสาทที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเซลล์ขณะที่สมอง ทำงานถูกใช้จนเกือบหมด เมื่อนั้นสมองก็จะเกิดอาการล้าและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทันที ซึ่งการสร้างสารสื่อนำประสาทขึ้นทดแทนนั้นมาจากการรับประทานอาหารประเภท โปรตีน
“ตามปกติอาหารที่เรารับประทานมีโปรตีนรวมอยู่ด้วย แต่กว่าที่โปรตีนจะถูกย่อยสลายผ่านกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้องใช้เวลา 8-9 ชั่วโมง ที่สำคัญสิ่งที่ร่างกายย่อยมาได้จะเป็นกรดอะมิโนส่วนใหญ่ ส่วนไดเปปไทด์และไตรเปปไทด์มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น” ยอดมิตร ทองยงค์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและฟังก์ชันนอล บริษัท โอสถสภา จำกัด ระบุ
หลังปี 2000 พบว่า เปปไทด์สายสั้นหรือไดเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียงต่อกัน 2 ตัว และไตรเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียงกัน 3 ตัว ซึ่งร่างกายสามารถย่อยได้เพียงส่วนน้อยนั้น กลับดูดซึมได้ดีกว่ากรดอะมิโนเดี่ยว
และเปปไทด์ทั้งสองชนิดที่ว่านี้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์อาหารฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ค้นพบในถั่วเหลืองสึรุโนโกะ หลังขจัดกาก ไขมัน และแป้งจนได้โปรตีนบริสุทธิ์และนำมาย่อยด้วยเอนไซม์แบบธรรมชาติควบคุมด้วย นวัตกรรมขั้นสูง และเรียกเปปไทด์ที่ได้นี้ว่า ออริจินัล ซอย เปปไทด์
“เปปไทด์สายสั้นที่สกัดออกมาได้นั้น พบว่า ร่างกายสามารถดูดซึมได้ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ผ่านช่องทางเปปไทด์ทรานปอตเตอร์ที่ลำไส้เล็กส่วนต้น อีกทั้งยังมีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ ไม่มีรายงานการแพ้ และไม่มีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจนเหมือนผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอื่น ๆ ด้วย”
โดย ศ.นพ.ยูทากะ โมโตฮาชิ มหาวิทยาลัยแพทย์อะกิตะ พบว่า ออริจินัล ซอย เปปไทด์ขนาด 8,000 มิลลิกรัม จะส่งผลให้เกิดภาวะคลื่นสมองไฮแบรนด์อัลฟ่า ระดับ 10-13 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นสภาวะสมองที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน
ขณะที่ ศ.ดร.ฮาทากิยามา ไอโกะ ศูนย์วิจัยการแพทย์เซนได พบว่า ออริจินัล ซอย เปปไทด์ ขนาด 4,000 มิลลิกรัมขึ้นไป จะช่วยเพิ่มระดับของออกซิเจนในฮีโมโกลบินที่ไหลเวียนในสมองส่วนหน้า ทำให้สมองปลอดโปร่ง และยังสามารถลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มาขัดขวางวงจรความจำด้วย
หลังจากค้นพบและพัฒนาจนออริจินัล ซอย เปปไทด์ สามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณเปปไทด์ที่เหมาะสม ตั้งแต่ปลายปี 2004 เป็นต้นมาคนญี่ปุ่นก็ได้รู้จักเครื่องดื่มอาหารสมองนี้มากขึ้น ขณะที่คนไทยเพิ่งได้รู้จักหลังจากบริษัท โอสถสภา จำกัด นำมาพัฒนาเพื่อเป็นเครื่องดื่มสำหรับคนไทย
“ต้องยอมรับว่าคนไทยมีความสามารถในการนำงานวิจัยมาต่อยอดได้ดี และเครื่องดื่มที่เราพัฒนานั้น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฟูจิเองก็ยอมรับทั้งเรื่องคุณภาพและรสชาติว่าดีที่ สุดในโลก และเขาก็ได้สั่งนำเข้ากลับไปขายในญี่ปุ่นด้วย”
เครื่องดื่มที่ว่าจะต่างจากเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีอยู่ทั่วไป เพราะนี่จัดเป็นประเภทอาหารเพื่อสุขภาพ ดังนั้นเรื่องปริมาณที่จะได้รับนั้นจึงไม่มีการจำกัด และไม่จำกัดอายุของผู้รับประทานด้วย
ดร.โมโตฮิโกะ ฮิโรซึกะ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฟูจิสำนักงานใหญ่ ระบุว่า ในญี่ปุ่นนั้นเคยมีนักศึกษาที่สอบเอนทรานซ์ดื่มออริจินัล ซอย เปปไทด์นี้ด้วย แต่กลับดื่มเมื่อสอบเสร็จแล้วหลังจากสมองล้า สารอาหารที่มีอยู่จึงไม่สามารถไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองได้ ดังนั้นควรดื่มก่อนที่จะต้องใช้สมองจึงจะได้ผลมากที่สุด
แม้ออริจินัล ซอย เปปไทด์ จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ฉลาดขึ้นไปด้วย.
อ้างอิง : http://www.original-soy-peptide.com/